ที่มาภาพ:
https://twitter.com/jimmyfallon/status/1461011913479962630/photo/1
ตลาด NFT ที่ผุดขึ้นมาทำให้ผู้สร้างได้ใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ ตัวอย่างที่รู้จักกันดีคือตลาดศิลปะดิจิทัลที่กล่าวถึงข้างต้นและแพลตฟอร์มของสะสมดิจิทัล
เช่น NBA Top Shot (การ์ดนักบาสในรูปแบบดิจิทัลที่แลกเปลี่ยนกันได้แต่ทดแทนกันไม่ได้)
ของ Dapper Labs ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อสะสมและแลกเปลี่ยน NFT
“ช่วงเวลา” วิดีโอคอลที่น่าตื่นเต้นของเกมบาสเก็ตบอล การ์ด Top
Shot สร้างขึ้นจากความท้าทายในเกมและเหตุผลอื่น ๆ ของการเป็นเจ้าของนอกเหนือจากการสะสมมูลค่าและประโยชน์ที่ได้รับจาก
NBA[1]
ตัวแบบระบบนิเวศที่สร้างขึ้นจากคุณสมบัติเดิมของ
NFT นำไปสู่องค์การที่พัฒนาขึ้นใหม่ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เริ่มจากลำดับชุด
NFT ซึ่งมีแผนงานให้ผู้ถือสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ กิจกรรมและประสบการณ์ต่าง
ๆ ที่ขยายออกไป รายได้จากการขาย NFT ครั้งแรกและครั้งต่อไปจะคืนกลับเข้าสู่ตราสินค้า
(Brand) เพื่อสนับสนุนโครงการที่ใหญ่โตกว้างขวางมากขึ้น
ซึ่งจะช่วยผลักดันมูลค่าของ NFT ด้วย
Bored Ape Yacht
Club สร้าง NFT ประกอบด้วยชุดภาพลิงสำหรับสมาชิกชุมชนออนไลน์
เริ่มต้นจากห้องแชทส่วนตัวและกระดานกราฟิตีเติบโตขึ้นจนมีสินค้าระดับไฮเอนด์
กิจกรรมทางสังคมรวมทั้งงานปาร์ตี้จริงบนเรือยอทช์ ในทำนองเดียวกัน SupDucks
เริ่มสร้างชุมชนโดยใช้ชุดรูปภาพ NFT และพื้นที่ออนไลน์ที่เกี่ยวข้องโดยเชื่อมต่อกับเกม
metaverse ที่มีธีมทางเดินริมทะเล ส่วน Gutter Cat
Gang เน้นประโยชน์ในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น งานพบปะพูดคุยปราศรัย
(meet & greet) มีการแสดงดนตรีสดพร้อมอาหารและเครื่องดื่ม
การเข้าร่วมเป็นสมาชิกในกลุ่มเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ส่วนบุคคล
สมาชิกชุมชนใช้ภาพ NFT ที่พวกตนชื่นชอบเป็นรูปโปรไฟล์สาธารณะบนสื่อสังคม
ชุมชน NFT แต่ละแห่งมีบุคลิกและจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน
ทุกคนสามารถหากลุ่มของตนเอง ด้วยวิธีนี้ความเป็นเจ้าของ NFT ทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมต่อถึงกันด้วยข้อความที่แบ่งปันในทันที
ความเป็นเจ้าของยังบ่งบอกสิทธิทางการค้าบางส่วนหรือระดับการควบคุม
สมาชิกชุมชนอาจเติมสินทรัพย์บน NFT หรือเพิ่มมูลค่าของตราสินค้าและเป็นช่องทางให้แฟนคลับสร้างมูลค่าคืนกลับสู่แบรนด์
สมาชิก Bored Ape ได้สร้าง “Jenkins the Valet” ซึ่งกลายเป็นตราสินค้าย่อยของ Bored Ape ทั้งนี้ มูลค่าการเป็นเจ้าของ
NFT เพิ่มขึ้นจากโอกาสทางการเงินเมื่อมีการขายต่อ (reselling)
แอปพลิเคชัน
NFT ที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนมากพยายามผสมผสานความเป็นเจ้าของออนไลน์กับการใช้งานออฟไลน์ตัวอย่างเช่น
ร้านอาหารบางแห่งเริ่มใช้ NFT ในการจองโต๊ะและอุตสาหกรรมการจำหน่ายตั๋วมีโอกาสสำคัญในการออกตั๋ว
NFT ผู้จัดงาน (event) ให้ประโยชน์หลายอย่างแก่ผู้ซื้อบัตรโดยสร้างแรงจูงใจในการซื้อและสะสมมูลค่าจากการขาย
NFT ครั้งต่อไป (royalty for secondary sale)
บริษัทบางแห่งกำลังสำรวจว่าจะใช้
NFT บันทึกอัตลักษณ์และชื่อเสียงของบุคคลทางออนไลน์อย่างไร สถาบัน
MIT เริ่มจัดทำประกาศนียบัตรดิจิทัลหรือ NFT ที่ไม่สามารถโอนย้ายได้โดยสิ้นเชิง ขณะเดียวกันผู้เล่นซึ่งเป็นที่ยอมรับ เช่น
Facebook (ปัจจุบันคือ Meta) และกิจการใหม่
เช่น POAP และ koodos เสนอวิธีให้บุคคลทั่วไปสร้างและแบ่งปัน
NFT เกี่ยวกับกิจกรรม ความสัมพันธ์และความสนใจ
โครงการ
NFT จะต้องตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของตลาดซึ่งมีความท้าทายเฉพาะ
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่โครงการ NFT จำนวนมากในยุคแรก ๆ ถูกสร้างขึ้นจากการจัดการสิทธิดิจิทัล
เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีโดยตรงแบบเดียวกับสิทธิประโยชน์ของสมาชิกคลับ สำหรับผู้ถือ
NFT สามารถรับรองสิทธิการเข้าถึงได้ง่าย ๆ โดยใช้โทเค็นในกระเป๋าเงินดิจิทัล
NFT จะมีความหมายน้อยลง หากขาดความมุ่งหมายในการเป็นเจ้าของ เช่น
เพื่อจัดการของสะสมที่จับต้องได้ โดยผู้ซื้อต้องการรับสิ่งของด้วยตนเอง (เว้นแต่สิ่งของมีน้ำหนักมากเกินกว่าที่จะเคลื่อนย้าย
เช่น กรณี NFT ของก้อนทังสเตนหนัก 2,000 ปอนด์) NFT ต้องสร้างผลตอบแทนแก่ชุมชนผู้ใช้ แบบเดียวกับผลิตภัณฑ์ออกใหม่
ผู้ใช้กลุ่มแรกจะทำหน้าที่เผยแพร่ผลิตภัณฑ์และแสดงความเห็นติชมในช่วงแรก การยอมรับของผู้ใช้ทำให้
NFT มีความหมายและเป็นการกำหนดมูลค่าเริ่มต้น
หากไม่มีชุมชนผู้ใช้ที่แข็งแกร่ง
โครงการ NFT อาจล้มเหลวหรือล่มสลายอย่างรวดเร็วเนื่องจากผู้ถือโทเค็นหมดความสนใจ
ข้อเสนอด้านคุณค่า NFT ที่ขาดความชัดเจนในตอนเริ่มแรกจะไม่สามารถสร้างขยายชุมชนให้มีขนาดใหญ่หรือเหมาะสม
การขาดการมีส่วนร่วมอาจทำให้เกิดปรากฏการณ์ความคาดหวังสร้างความจริง (Self-fulfilling
prophecy)[2] ซึ่งทำให้ NFT เสื่อมค่าลง
เพื่อรักษาการมีส่วนร่วมของชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ทีมงานผู้สร้าง NFT ต้องสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการต่อไปได้
โลกของการเข้ารหัส (crypto) ซึ่งผู้มีส่วนร่วมเปิดเผยตัวตนบางส่วนหรือไม่เปิดเผยตัวตนนั้น
ความเชื่อมั่นต่อโครงการอาจลดลงอย่างรวดเร็ว ทีมสื่อสารจึงต้องทำงานหนักและโปร่งใสเกี่ยวกับวิธีการและความตั้งใจพัฒนาโครงการ
(ทีมพัฒนา NFT จำนวนมากมัก “เยี่ยมเยียนชุมชน” บ่อยครั้ง)
โครงการ
NFT อาจพึ่งพาแบรนด์หรือสถาบันที่จัดตั้งขึ้น เช่นเดียวกับบริการสาธารณในโลกแห่งความเป็นจริง
ตัวอย่างเช่น ทีมกีฬาหรือศิลปินเพลงยอดนิยมที่ขายตั๋วผ่าน NFT โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานชื่อเสียงและผลงานที่มีอยู่เพื่อโน้มน้าวผู้คนว่าตั๋ว
NFT มีคุณค่าจริง ๆ บริษัทที่เผยแพร่ NFT โดยไม่มีจุดประสงค์หรือคุณค่าใด ๆ อาจเป็นเพียงลูกเล่นและไม่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม
NFT ยังคงเผชิญกับความท้าทายของผู้ประกอบการคริปโต ขณะนี้เทคโนโลยีการเข้ารหัสส่วนใหญ่ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้
จึงต้องเชื่อมต่อกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและผู้ให้บริการกระเป๋าเงิน (wallet) จำนวนมาก NBA Top Shot ได้ประโยชน์อย่างมากจากการเข้ารหัสในตลาด
NFT และช่วยผู้ใช้สั่งซื้อด้วยบัตรเครดิต แทนที่การทำธุรกรรมเป็นสกุลเงินคริปโต
โครงการ
NFT จะต้องสามารถต้านทานความผันผวนของตลาดคริปโตและกรอบการกำกับดูแลที่แยกออกมาต่างหาก
ความผันผวนของตลาดอาจเปลี่ยนอุปสงค์ของ NFT ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการสร้างชุมชนและแหล่งที่มาของมูลค่าสำหรับการเป็นเจ้าของ
NFT
อนาคตของ
NFT ยังมีความไม่แน่นอน ในระยะยาว ตลาดจะต้องต่อสู้กับค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีเข้ารหัส
จำเป็นต้องมีกรอบกฎหมายที่ชัดเจนสำหรับการเป็นเจ้าของ NFT และควรชี้แจงเกี่ยวกับสิทธิ์การเป็นเจ้าของ
NFT กับทรัพย์สินทางปัญญา ขณะนี้เรายังไม่เห็นมูลค่าความมีประโยชน์สูงสุดของ
NFT ด้วยซ้ำ
โครงการ
NFT ที่อิงกับชุมชนที่ดำเนินการแล้วได้แสดงนัยถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ตลาด NFT ให้อำนาจตลาดโดยอนุญาตให้ผู้คนสร้างความเป็นเจ้าของรูปแบบใหม่
โดยใช้ประโยชน์จากพลวัตคริปโต มูลค่าโทเค็นมาจากความตกลงแบ่งปันของชุมชนผู้ใช้ซึ่งจะสร้างมูลค่าพื้นฐานของ
NFT อย่างแท้จริง อัตลักษณ์และการมีส่วนร่วมของชุมชนยิ่งมากขึ้นเท่าใด
มูลค่า NFT จะได้รับการเสริมแรงมากขึ้นเท่านั้น
แอปพลิเคชั่นที่ใหม่กว่าย่อมจะใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อออนไลน์และออฟไลน์
ขณะที่การออกแบบโทเค็นใหม่ ๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนทำเงินจากการขายรูปภาพบนอินเทอร์เน็ต
[1] How NFTs Create
Value by Steve Kaczynski and Scott Duke Kominers Havard Business Review November
10, 2021 Available at:
https://hbr.org/2021/11/how-nfts-create-value?utm_medium=email&utm_source=newsletter_daily&utm_campaign=dailyalert_notactsubs&deliveryName=DM160090
[2] Self-fulfilling
prophecy – ปรากฏการณ์ความคาดหวังสร้างความจริง Smarter
Life by Psychology พฤษภาคม 18, 2020 คำศัพท์จิตวิทยา
เข้าถึงได้ที่: https://smarterlifebypsychology.com/2020/05/18/self-fulfilling-prophecy/
No comments:
Post a Comment