นักวิเคราะห์ข่าวกรองต้องทำงานภายใต้แรงกดดันหลายอย่าง พวกคุณต้องแยกให้ออกระหว่างลำดับความสำคัญ (Priority) กับนัยสำคัญ (Significant) ทั้งสองคำมีความสำคัญแต่ความหมายไม่เหมือนกัน อดุลย์ กอวัฒนา อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (คุณลุงข่าวกรอง)
ปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบของกลุ่มฮามาสเมื่อต้นตุลาคม
2023 นอกจากสะท้อนความล้มเหลวของ “หน่วยข่าวกรอง” ระดับตำนานของชาติที่มีระบบความมั่นคงเข้มแข็งที่สุดในโลก[1] ยังทำให้ภูมิศาสตร์การเมืองของภูมิภาคพลิกผัน
ส่งผลต่อนโยบายตะวันออกกลางของสหรัฐฯและพันธมิตร[2] รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพลวัตของความขัดแย้งที่อาจขยายตัวกลายเป็นสงครามในภูมิภาค
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อทำความเข้าใจและอธิบายสาเหตุความล้มเหลวของ
“การข่าวกรอง” อิสราเอลซึ่งเผยให้เห็นจุดอ่อนของระบบป้องกันประเทศและยุทธศาสตร์
(นโยบาย) อิสราเอลต่อปาเลสไตน์ โดยใช้กรรมวิธีรวบรวมและวิเคราะห์ข่าวกรองจากแหล่งเปิด
(Open Source Intelligence - OSINT)[3]
การโจมตีแบบทำลายล้างข้ามพรมแดนของกลุ่มฮามาสจากฉนวนกาซาเมื่อ
7 ตุลาคม 2023 ทำให้ฝ่ายอิสราเอลเสียชีวิตมากกว่า
1,200 คน บาดเจ็บกว่า 2,900 คน
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นพลเรือนและเด็ก กลุ่มฮามาสได้จับกุมพลเรือน 150 คนและทหารอิสราเอล (ไม่ทราบจำนวน) เป็นตัวประกัน ขณะที่การโจมตีทางอากาศตอบโต้ของอิสราเอลทำให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเสียชีวิต
1,055 คน บาดเจ็บ 5,184 คน (สำนักงานสาธารณสุขปาเลไตน์แจ้งเมื่อ
14 ตุลาคม 2023 ว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก 724
คน ผู้หญิง 458 คน)[4]
ความล้มแหลวของ
“ข่าวกรอง” อิสราเอลอาจเกิดจากความผิดพลาดในการปฏิบัติการรวบรวมข่าวกรอง (Intelligence-Collecting) ภาคสนาม รวมทั้งการประเมิน วิเคราะห์และตีความ (interpreting) ข่าวกรอง โดยมีความเป็นไปได้ 5 รูปแบบ คือ 1) รัฐบาลอิสราเอลประเมินขีดความสามารถของกลุ่มฮามาสไม่ดีพอ
2) ความผิดพลาดในการประเมินความตั้งใจ (intention) ของกลุ่มฮามาส 3) ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายอิสราเอลต่อกลุ่มฮามาส
4)
การประเมินประสิทธิภาพของหน่วยงานความมั่นคงและพึ่งพาระบบตรวจการณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวชายแดนสูงเกินไป
และ 5) ผู้กำหนดนโยบายระดับสูงของอิสราเอลไม่เอาใจใส่ต่อการแจ้งเตือนของหน่วยข่าวกรอง
เนื่องจากการรวบรวมข่าวกรองไม่สมบูรณ์หรือพฤติกรรมการรับรู้ที่บิดเบือน (Cognitive
Bias) รวมทั้งความท้าทายเกี่ยวกับการวิเคราะห์ข่าวกรอง[5]
ผู้นำอิสราเอลอาจเข้าใจผิดโดยคิดว่ากลุ่มฮามาสไม่มีขีดความสามารถโจมตีขนาดใหญ่
ที่ผ่านมากลุ่มนี้มักยิงจรวดที่มีอานุภาพปานกลางใส่อิสราเอล
แต่ไม่เคยส่งนักรบเล็ดลอดออกจากฉนวนกาซา อิสราเอลมีระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ (Iron dome) สร้างกำแพงคอนกรีตติดเซ็นเซอร์และรั้วอัจฉริยะ
(Smart fence) ติดกล้องตรวจการณ์และปืนกลอัตโนมัติควบคุมจากระยะไกล
รวมทั้งจัดตั้งเครือข่าย “สายลับ” จำนวนมากในฉนวนกาซาภายใต้การดูแลของหน่วยข่าวกรองทางทหาร
(Aman) และหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ (Shin Bet)
ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มฮามาสที่หน่วยข่าวกรองอิสราเอลรวบรวมได้
อาจบ่งชี้ถึงการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ยังคลุมเครือขาดรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา
(when) และวิธีการ (how) การตีความผิดหรือเพิกเฉยของผู้ใช้ข่าวส่งผลให้การประเมินเจตนาของกลุ่มฮามาสไม่ถูกต้อง
ซ้ำรอยความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมาในสงคราม Yom Kippur ปี 1973 ซึ่งอิสราเอลถูกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวโดยกองทัพอียิปต์และซีเรีย
การโจมตีของกลุ่มฮามาสครั้งนี้เหมือนถอดแบบจากตำราปฏิบัติการทางทหาร
โดยกลุ่มฮามาสใช้โดรนขึ้นบินทำลายสถานีสื่อสารเซลลูลาร์ทหารและเซ็นเซอร์กล้องที่ติดตั้งตามแนวกำแพงล้อมฉนวนกาซา
(เหมือนการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์) ทำให้ทหารอิสราเอลไม่สามารถแจ้งเตือนไปยังหน่วยอื่น
ๆ จากนั้นหน่วยคอมมานโดกลุ่มฮามาสบุกโจมตีกองบัญชาการกองกำลังป้องกันตนเอง (IDF) ของอิสราเอลที่ตั้งอยู่ทางใต้ของฉนวนกาซา บุกรุกค่ายทหารอย่างน้อย 4
แห่ง กระจายกำลังปฏิบัติการในพื้นที่ของอิสราเอลมากกว่า 20 เมือง[6]
หน่วยปฏิบัติการกลุ่มฮามาสใช้รถแทรกเตอร์เกลี่ยดิน
(bulldozer) ทำลายสิ่งกีดขวางรั้วกำแพงซึ่งติดตั้งกล้อง
เซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนและปืนกลอัตโนมัติ 29 จุด เปิดช่องทางให้นักรบติดอาวุธจำนวนนับพันคนผ่านเข้าไปในดินแดนอิสราเอลด้วยรถกระบะและจักรยานยนต์
เช่นเดียวกับการปฏิบัติการร่วมทางทหาร (combined-arms warfare) โดยยิงจรวดคุ้มกันกำลังภาคพื้นดินเสริมด้วยนักรบร่มร่อน (powered
glider) ทางอากาศและนักรบทางเรือที่ขึ้นบกทางฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรนียน
ภารกิจที่เป็น
“งานยาก”
ของหน่วยข่าวกรองคือการทำความเข้าใจผลกระทบของนโยบายของประเทศตนเองต่อฝ่ายตรงข้าม อิสราเอลเชื่อว่านโยบาย
“ไม้อ่อนและไม้แข็ง (carrot and stick)” ในฉนวนกาซาดำเนินไปได้ด้วยดี
โดยออกใบอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์ 15,000 คนเข้าไปทำงานในอิสราเอลรายวัน
ซึ่งให้ค่าแรงสูงกว่าในฉนวนกาซา แต่ชาวปาเลสไตน์กลับเห็นว่า ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจไม่สามารถชดเชยสิทธิทางการเมืองของพวกตนที่สูญเสียไป
ความท้าทายสำคัญอย่างหนึ่งของหน่วยข่าวกรอง
คือ การโน้มน้าว (convincing) ให้ผู้นำทางการเมืองตระหนักถึงภัยคุกคาม
นักวิชาการความมั่นคง (securocrat) อิสราเอลจำนวนมากแสดงความคับข้องใจกับการที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน
เนทันยาฮู เพิกเฉยต่อภัยคุกคามจากฉนวนกาซา โดยโอนเอียงไปมุ่งความสนใจอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลลาห์ที่อยู่ทางใต้ของเลบานอน
ขณะเดียวกันสถานการณ์ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน
(west bank) เริ่มทวีความตึงเครียดจากความรุนแรงระหว่างชาวปาเสไตน์กับผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิว
(Israeli Settlers) ผู้สนันบสนุนทางการเมืองของรัฐบาลขวาจัดที่ตั้งขึ้นเมื่อปลายปี
2022 รัฐมนตรีของพรรคการเมืองฝ่ายขวาเรียกร้องให้ทุ่มเททรัพยากรไปรักษาความสงบใน
west bank มากขึ้น อาจเป็นเหตุให้เกิดความลำเอียงในการตัดสินใจและจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน
ความสำเร็จของกลุ่มฮามาสและความล้มเหลวด้านข่าวกรองอิสราเอล
มีแนวโน้มจะเป็นกรณีศึกษาอย่างใกล้ชิดของกองทัพทั่วโลก ช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ นักคิดทางการทหารโต้แย้งว่าเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งประจำที่และอาวุธที่มีความแม่นยำสูงทำให้การรุกคืบของกองทัพกรทำได้ยากขึ้น
เพราะการรวมกำลังขนาดใหญ่มักจะถูกตรวจพบและโจมตี ด้วยเหตุนี้กองทัพยูเครนจึงละทิ้งการรุกตอบโต้ด้วยกองกำลังขนาดใหญ่
โดยหันไปใช้ยุทธวิธีโจมตีด้วยกองกำลังขนาดเล็ก
การจู่โจมของกลุ่มฮามาสชี้ให้เห็นว่าการแทรกซึมด้วยกองกำลังขนาดใหญ่
(large-scale infiltration) ยังคงเป็นไปได้ แม้ต้องเผชิญเทคโนโลยีตรวตราที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก
หากฝ่ายเข้าตีมีความขยัน (diligent) และฝ่ายป้องกันกระหยิ่มใจ
(complacent) ในความล้ำหน้าของเทคโนโลยีเฝ้าระวัง
ถือเป็นบทเรียนสำหรับรัฐที่เผชิญศัตรูข้ามพรมแดนที่มีระยะทางยาว
เช่น กลุ่มประเทศริมทะเลบอลติก หรือเกาหลีใต้ ทั้งนี้ กลุ่มฮามาสยังคงเป็นตัวแสดง
“พันทาง (hybrid)” ซึ่งไม่ใช่กลุ่มก่อการร้ายแบบเก่า (old-fashioned) หรือกองทัพตามแบบ (conventional army) แต่คล้ายคลึงกับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ซึ่งผสมผสานองค์ประกอบทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน
หลังเสร็จสิ้นศึกสงครามครั้งนี้ คงไม่ยากที่จะกล่าวโทษหา “ผู้กระทำผิด” ที่ละสายตาจากฉนวนกาซา เบนจามิน เนทันยาฮู คงตระหนักถึงความล้มเหลวของอิสราเอลในปี 1973 ซึ่งบ่อนทำลายโกลดา เมียร์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นและนำไปสู่การลาออกของเธอในที่สุด
[1] Hamas’s attack
was an Israeli intelligence failure on multiple fronts The Economist Oct
9th 2023 Available at:
https://www.economist.com/middle-east-and-africa/2023/10/09/hamass-attack-was-an-israeli-intelligence-failure-on-multiple-fronts?utm_content=article-link-2&etear=nl_today_2&utm_campaign=a.the-economist-today&utm_medium=email.internal-newsletter.np&utm_source=salesforce-marketing-cloud&utm_term=10/9/2023&utm_id=1797013
[2] THE REGIONAL
AND GEOPOLITICAL IMPLICATIONS OF THE HAMAS ATTACK INTELBRIEF October 12,
2023 Available at: https://mailchi.mp/thesoufancenter/the-regional-and-geopolitical-implications-of-the-hamas-attack?e=c4a0dc064a
[3] ข่าวสารที่รวบรวมจากแหล่งสาธารณะโดยมุ่งหมายตอบสนองความต้องการเฉพาะด้านการข่าวกรอง
แหล่งสาธารณะอาจเป็นแบบไม่ต้องเสียเงินหรือต้องเสียค่าสมาชิก (free and
subscription-based) แบบ online หรือ offline
ทั้งนี้ OSINT ไม่ได้จำกัดเฉพาะแต่บนอินเตอร์เน็ตซึ่งมีข้อมูลข่าวสารที่มีคุณค่าจำนวนมหาศาล
สื่อมวลชน องค์กรสาธารณ คลังสมอง (think tank) มหาวิทยาลัย NGOs
และองค์กรของเอกชนล้วนเป็นแหล่งที่มาของข่าวสารจากแหล่งข่าวเปิด (OSINF)
[4] Palestinian civilians suffer in Israel-Gaza crossfire
as death toll rises ABC News By Kiara Alfonseca October 11, 2023,
Available at:
https://abcnews.go.com/International/palestinian-civilians-suffer-israel-hamas-crossfire-death-toll/story?id=103828889
[5] An Intelligence Failure in Israel, but What Kind?
Daniel Byman LAWFARE October 10,
2023, Available at:
https://www.lawfaremedia.org/article/an-intelligence-failure-in-israel-but-what-kind
[6] Hamas attack is an intelligence failure that may take
Israel years to unravel By David Ignatius The Washington Post October 8,
2023 Available at:
https://www.washingtonpost.com/opinions/2023/10/08/hamas-israel-intelligence-failure/

No comments:
Post a Comment