ที่มาภาพ: https://carnegieendowment.org/research/2024/07/governing-military-ai-amid-a-geopolitical-minefield?lang=en
การแพร่ขยายการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์
(AI)[1] ในภาคเอกชนและภาครัฐได้เปิดยุคใหม่ของการเมืองเรื่องสิ่งแวดล้อมและพลังงาน
(environmental and energy politics) ซึ่งทวีรุนแรงจากการแย่งชิงทรัพยากรในการประมวลผล
พัฒนาและปรับใช้ตัวแบบ AI ขั้นสูงหรือ Generative AI[2] ที่เชื่อมโยงกับการใช้พลังงานและน้ำอย่างมากสุดขีด
เทคโนโลยี
AI
ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นรากฐานสำคัญของนวัตกรรมทางการทหาร การแข่งขันอิทธิพลของมหาอำนาจและการแย่งชิงพลังงาน
(ไฟฟ้า) ไม่เพียงเป็นความพยายามเพื่อผลกำไร นวัตกรรมและความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี แต่ยังเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญกับความมั่นคงแห่งชาติ
ความต้องการใช้พลังงานอย่างเข้มข้นของ
Generative
AI เชื่อมโยงกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของศูนย์ข้อมูล (data center)[3] บริการระบบคอมพิวเตอร์แบบเครือข่ายออนไลน์
(cloud service) และวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก (chips)[4] ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตัวอย่างเช่น การสืบค้นข้อมูลบน ChatGPT อาจใช้พลังงานมากกว่าการสืบค้นจาก
Google ถึง 25 เท่า
วงจรชีวิตการสร้างตัวแบบ
AI มีขั้นตอนที่กระทบสิ่งแวดล้อมมากที่สุด คือ การฝึกตัวแบบการเรียนรู้ของเครื่องจักร
(Machine Learning) โดยอัลกอริธึมเรียนรู้ข้อมูลการฝึกเพื่อคาดการณ์และหรือตัดสินใจด้วยการอนุมาน
(inference) ข้อสรุปที่ได้มาจากความรู้และความเข้าใจ
รองศาสตราจารย์
Mosharaf
Chowdhury แห่งภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาการคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า
การฝึกตัวแบบ GPT-3[5]
หนึ่งรอบใช้พลังงานไฟฟ้า 1,287 MWh ซึ่งเพียงพอสำหรับใช้ในครัวเรือนทั่วไปของสหรัฐฯเป็นเวลา
120 ปี ขณะที่ World Economic Forum ระบุว่าขั้นตอนการอนุมานของตัวแบบ
AI มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมถึงร้อยละ 80 ส่วนขั้นตอนการฝึกกระทบร้อยละ
20
Petr Spelda และ Vit Stritecky แห่งมหาวิทยาลัย Charles ได้ศึกษาวิจัยต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมของการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับ AI
พบว่า[6] ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นสำหรับการประมวลผล ML เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าทุก
ๆ 3.4 เดือนตั้งแต่ปี 2012 การประมวลผลในปัจจุบันใช้เวลาหลายร้อยเพตาฟลอป/วินาที[7] ตัวแบบ
ML ถูกปรับให้มีความแม่นยำเกินกว่าที่จำเป็น ส่งผลให้การดำเนินการไม่มีประสิทธิภาพและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ
(IEA)
ประเมินว่า ภายในปี 2026 การใช้พลังงานทั่วโลกของศูนย์ข้อมูล
สกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) และ AI จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือปริมาณการใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่นทั้งประเทศ ขณะที่ Rene
Haas ผู้บริหารบริษัท Arm เตือนว่าภายในสิ้นทศวรรษนี้
ศูนย์ข้อมูล AI อาจใช้พลังงานไฟฟ้าร้อยละ 20 - 25
ของความต้องการพลังงานของสหรัฐฯ ปัจจุบันความต้องการพลังงานอยู่ที่ร้อยละ 4
หรือต่ำกว่า[8]
สหรัฐฯเป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับสองของโลกรองจากจีน
ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นหากทั้งสองประเทศยังคงแข่งขันกันในด้านเทคโนโลยีและการทหาร
ประเทศอื่น ๆ ที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุด ได้แก่
รัสเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น บราซิล และเกาหลีใต้
ในปี
2022 กระทรวงกลาโหม (DoD) สหรัฐฯประเทศเดียวเป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุด
โดยใช้พลังงานร้อยละ 76 ของการใช้พลังงานของรัฐบาลกลาง
ระบบป้องกันประเทศของสหรัฐฯใช้ AI ประมวลผลต่าง ๆ เช่น
การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ ยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ ความปลอดภัยทางไซเบอร์และการดำเนินงานข่าวกรอง
สถาบันความมั่นคงแห่งชาติมหาวิทยาลัย
George
Mason ระบุว่าในขอบเขตของการป้องกันและความมั่นคงของชาติ AI
“ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ ตัดสินใจอย่างแม่นยำและได้เปรียบในเชิงกลยุทธ์
ช่วยประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล ระบุภัยคุกคามและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร”
การบูรณาการ
AI
เข้ากับการปฏิบัติการประจำวันของกองทัพสหรัฐฯ ทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้ากระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ
ความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างสุดขีดของ AI ส่งผลต่อโครงข่ายไฟฟ้าและการตระหนักถึงความสำคัญของ
AI
กระทรวงพลังงาน
(DOE)
สหรัฐฯได้ประกาศเมื่อต้นกรกฎาคม 2024 เกี่ยวกับ
Frontiers in AI for Science, Security and Technology (FASST) ซึ่งเป็นแผนงานที่ออกแบบเพื่อ “ช่วยควบคุม AI เพื่อประโยชน์สาธารณะ”
รวมถึงในด้านความมั่นคงของชาติ
ข้อมูลของ
Axios[9] บ่งชี้ว่า “DOE มีเป้าหมายจะสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์
AI ที่ประหยัดพลังงานและช่วยจัดการความท้าทายในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้โดยไม่ทำให้การใช้พลังงานพุ่งขึ้น
ซึ่ง Jennifer Granholm รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐฯระบุว่าเป็นข้อกังวลอันดับต้น
ๆ”
โครงข่ายไฟฟ้าสหรัฐฯส่วนใหญ่สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ
1960
และ 1970 แม้บางส่วนได้รับการยกระดับมาตรฐาน
แต่โครงสร้างพื้นฐานที่เก่าแก่ต้องตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนและ AI
ด้วยเหตุนี้ ความต้องการระบบโครงข่ายไฟฟ้าที่ทันสมัย ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน
เนื่องจากประเทศต่าง
ๆ เช่น จีนและรัสเซียสามารถเข้าถึงทรัพยากรจำนวนมหาศาล เช่น แร่ธาตุสำคัญ
กำลังการผลิตขั้นสูงและความพยายามเร่งการใช้ AI ในทางการทหาร
ความสามารถในการขับเคลื่อนระบบเหล่านี้จึงกลายเป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ[10]
สำหรับไทย
การเติบโตของศูนย์ข้อมูลและ AI ยังคงเผชิญความท้าทายจากทรัพยากรพลังงานที่มีจำกัด
ค่าไฟฟ้าสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านและที่ตั้งไม่โดดเด่นทางยุทธศาสตร์
คาดว่าความจุของศูนย์ข้อมูลในอาเซียนจะเพิ่มขึ้น 9 เท่าภายในปี
2035 นำโดยมาเลเซียและอินโดนีเซีย
ส่วนแบ่งตลาดของไทยจะลดลงเล็กน้อย
ทั้งนี้มาเลเซียจะได้ประโยชน์จากอุปสงค์เพิ่มขึ้นของสิงคโปร์ที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่และการจัดหาพลังงานไม่เพียงพอ
[1] วิทยาการคอมพิวเตอร์ที่มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความรู้ความเข้าใจที่เชื่อมโยงกับความฉลาดของมนุษย์
เช่น การเรียนรู้ การสร้างและจดจำภาพ องค์กรสมัยใหม่รวบรวมข้อมูลจำนวนมากจากจุดรวบรวมข้อมูลต่าง
ๆ เช่น เซ็นเซอร์อัจฉริยะ เนื้อหาที่มนุษย์สร้างขึ้น
เครื่องมือตรวจติดตามและข้อมูลบันทึกระบบ เป้าหมายของ AI คือ
การสร้างระบบการเรียนรู้ด้วยตนเองซึ่งต่อยอดความหมายที่ได้จากข้อมูล โดยใช้ความรู้นั้นเพื่อแก้ปัญหาใหม่
ๆ ดู ปัญญาประดิษฐ์ (AI) คืออะไร https://aws.amazon.com/th/what-is/artificial-intelligence/
[2]
รูปแบบหนึ่งของ AI ที่ใช้สร้างเนื้อหาใหม่ ๆ
ได้อย่างหลากหลายแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาช่วย เช่น สร้างข้อความ
รูปภาพ เพลง วิดีโอ ฯลฯ Generative AI มีความฉลาดที่จะเรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่ด้วยการใช้เทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก
(Deep Learning) และใช้องค์ความรู้เหล่านั้นสร้างผลลัพธ์ใหม่
ๆ ตามความต้องการของมนุษย์ ความสามารถของ Generative AI (หรือที่หลายคนเรียกว่า
GEN AI) ช่วยสนับสนุนการทำงานต่าง ๆ เช่น Digital
Marketing, วงการเพลง, วงการครีเอทีฟ, กราฟิกดีไซเนอร์ ฯลฯ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เข้าถึงได้ที่ https://nerdoptimize.com/generative-ai/
[3] อาคาร/สถานที่จัดเก็บคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
(ICT)
[4] วงจรรวมซึ่งเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดโดยเฉพาะคอมพิวเตอร์
ชิปคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กและทำจากเซมิคอนดักเตอร์ที่ประกอบด้วยซิลิกอนรวมทั้งทรานซิสเตอร์ที่ฝังอยู่และใช้ในการส่งสัญญาณข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นที่นิยมในครึ่งหลังของศตวรรษที่
20 เนื่องจากขนาดเล็ก ต้นทุนต่ำประสิทธิภาพสูงและผลิตได้ง่าย
เข้าถึงได้ที่ https://th.allight-zd.com/info/what-is-a-computer-chip-30174760.html
[5] เป็นฟังก์ชั่นอย่างหนึ่งที่อยู่ใน Open AI สามารถสร้างบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ
แปลภาษาและเปลี่ยนรูปแบบการเขียนให้เหมือนมนุษย์ที่สร้างสรรค์ผลงานบทความวิจัยได้อย่างน่าทึ่งอีกทั้งยังสามารถเขียนโค้ดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย
[6] The Future of
Human-Artificial Intelligence Nexus and its Environmental Costs Petr Spelda
& Vit Stritecky Futures 117 (2020) Available at:
https://philarchive.org/rec/SPETFO-7
[7] หน่วยวัดความเร็วการประมวลผลซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน “petaFLOPS”
(หน่วย peta คือ 10 ยกกำลัง
15 หรือ พันล้านล้าน) โดย FLOPS ย่อมาจาก
floating-point operations per second อาจเรียกความเร็วในกลุ่มนี้ว่า
petascale (PFLOPS)
[8] Artificial
Intelligence’s ‘Insatiable’ Energy Needs Not Sustainable, Arm CEO Says By Peter Landers Follow Updated April 9, 2024
3:13 pm ET Available at: https://www.wsj.com/tech/ai/artificial-intelligences-insatiable-energy-needs-not-sustainable-arm-ceo-says-a11218c9
[9] Axios (อ่านว่า แอก-ซี-โอส) คือ Open Source JavaScript Library สำหรับ HTTP Request เรียกง่าย ๆ คือ
ตัวที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับ API Service เพื่อการรับส่งข้อมูลแบบ
RESTful API โดยที่ axios จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการจัดการทั้ง
method, data, headers, security และอื่น ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการรับส่งข้อมูล ความเจ๋งของ axios ก็คือรองรับ
Promises async/await ได้ และยังรองรับ TypeScript อีกด้วย เข้าถึงได้ที่ https://programmerdesign.com/site/lesson/view?id=CONBZuHpY7K4G
[10] The Energy
Politics of Artificial Intelligence as Great Power Competition Intensifies INTELBRIEF
July 23, 2024 Available at:
https://thesoufancenter.org/intelbrief-2024-july-23/

No comments:
Post a Comment