ขีดความสามารถในการใช้อากาศยานไร้คนขับ
(Drone)[1] ของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actors) ซึ่งได้รับการช่วยเหลือพัฒนาจากรัฐอุปถัมภ์
(state-sponsored) สร้างความกังวลอย่างมากให้กับประชาคมระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐหลายกลุ่มใช้โดรนในการปฏิบัติการสู้รบ เช่น รัฐอิสลาม
(IS) ฮิซบุลลอฮ กบฎฮูซี ฮามาส โบโกฮารัมและตอลิบันเป็นต้น ขณะที่กองทัพสหรัฐฯตื่นตัวมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้โดรนของกองกำลังติดอาวุธในอิรักซึ่งอิหร่านหนุนหลังและกำลังพัฒนามาตรการตอบโต้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมทั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับจากระยะไกล การรบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์และการตอบโต้ทางจลนศาสตร์
(kinetic responses)[2]
พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์กระแสหลักทั่วโลกเมื่อมกราคม
2017 ระบุว่า กลุ่ม IS สามารถปรับใช้โดรนติดอาวุธ (weaponized
drones) ซึ่งเป็นนวัตกรรมโดดเด่นในสงครามสมัยใหม่ ขณะเดียวกันมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากระบบอากาศยานไร้คนขับ
(UAS) ในครอบครองของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐซึ่งใช้ความรุนแรง โดยมีสัญญาณเตือนคือ
IS ใช้โดรนยิงปืนครกและทิ้งระเบิดในเมืองโมสุล
อิรัก แต่ยังห่างไกลจากการเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ซึ่งมีการพูดถึงในบทความจำนวนมากในเวลาต่อมา
นอกเหนือจากพาดหัวข่าวที่มีลักษณะคล้ายพาดหัวลวง
(click-bait-like) จำนวนมาก ยังเกิดความกังวลในหมู่นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงและผู้ปฏิบัติงานต่อต้านการก่อการร้ายว่า
หาก IS มีขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีใหม่เช่น UAS
หลายคนคงสงสัยว่าตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐอื่น ๆ จะมีขีดความสามารถขนาดไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากรัฐที่มีกองกำลังที่มีความสามารถสูง
เช่น กองกำลัง Quds ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC-QF)
อิหร่าน
โดรนอาจถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์เชิงรุกและเชิงป้องกัน
กลุ่มติดอาวุธอาจใช้โจมตีเป้าหมายต่าง ๆ หรือดำเนินการข่าวกรอง เฝ้าระวังและสอดแนม
ในบางกรณีใช้เบี่ยงเบนความสนใจของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย เพื่อควบคุมการโจมตีในสถานที่อื่น
ๆ หรือถ่ายเท (siphon) ทรัพยากรและกำลังพลของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานตอบโต้เหตุฉุกเฉิน
ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและรักษาความปลอดภัยมีงานยุ่งอยู่กับโดรนรอบสนามบินฮีทโธรว์ในอังกฤษทำให้เกิดความโกลาหลและตื่นตระหนก
ในเยเมน กลุ่มกบฏฮูซีใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและแทรกซึมผ่านน่านฟ้าของซาอุดีอาระเบียได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ
กลุ่มฮูซีมีขีดความสามารถในการใช้โดรนอย่างเต็มที่และสร้างความตื่นตระหนกให้กับประเทศในภูมิภาค
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝ่ายกบฏสามารถขัดขวางอุปทานพลังงานระดับโลกโดยปรับใช้ฝูงโดรนโจมตีอย่างแม่นยำจากระยะไกล
ฮิซบุลลอฮปรับใช้โดรนมาตั้งแต่ปี
2004 โดรน Misrad ของอิหร่านปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนเหนือดินแดนอิสราเอล
กลุ่มผู้ก่อการร้ายและกบฏอื่น ๆ รวมทั้งกลุ่มตอลิบานในอัฟกานิสถาน
โบโกฮารามและฮามาสต่างก็ใช้โดรนในการสู้รบ นักรบชาวซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีใช้โดรนโจมตีฐานทัพรัสเซียในซีเรียหลายครั้งในปี
2018 ผู้สนับสนุน IS ในยุโรปถูกจับกุมในข้อหาพยายามจัดซื้อโดรนโดยมีเจตนาส่งไปให้กลุ่มติดอาวุธในอิรักและซีเรีย
ในเวเนซุเอลา
ประธานาธิบดี Nicolás Maduro เกือบถูกลอบสังหารในกรุงการากัสในปี
2018 โดยโดรน บรรทุกระเบิด 2 ลำ จุดชนวนใกล้บริเวณที่เขากล่าวสุนทรพจน์[3]
รายงานล่าสุดของสหประชาชาติ (UN) กล่าวถึงการใช้โดรนอัตโนมัติระดับเดียวกับที่ใช้ทางการทหาร
(military-grade) หรือระบบอาวุธร้ายแรงอัตโนมัติ (Lethal
Autonomous Weapon System) ซึ่งถูกนำไปใช้ในการสู้รบในลิเบีย
รายงานล่าสุดระบุว่า กองทัพสหรัฐฯตื่นตัวมากขึ้นเนื่องจากการใช้โดรนของกองกำลังติดอาวุธในอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านรวมทั้งโดรนปีกตรึง
(fixed-wing)[4] ขนาดเล็กที่มีความสามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกัน
รวมทั้งการตรวจจับจากฐานทัพและสิ่งอำนวยความสะดวกทางการทูต การโจมตีในเมืองเออร์บิลของอิรักเมื่อเมษายน
2021 ใช้โดรนพุ่งชนโรงเก็บเครื่องบินของ CIA ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณสนามบิน
การโจมตีอีกครั้งในพฤษภาคม
2021 มุ่งเป้าที่ฐานทัพอากาศ Ain al-Asad ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับเป้าหมายขีปนาวุธของอิหร่านในมกราคม 2020
หลังจากการลอบสังหาร Qassem Soleimani ผู้บัญชาการกองกำลัง IRGC-QF
โดรนที่เคยโจมตีซาอุดีอาระเบียเมื่อมกราคม 2021 ถูกปล่อยจากดินแดนอิรัก
ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยชิ้นส่วนที่ส่งมาจากอิหร่านและนำไปใช้โดยกลุ่มติดอาวุธในอิรักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
กลุ่มที่อ้างความรับผิดชอบการโจมตีที่เรียกตัวเองว่า
Awliya Wa'ad al-Haq หรือ “The True Promise Brigades” ซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มดังกล่าวอ้างว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้ระเบิดฆ่าตัวตายของ
IS ในกรุงแบกแดดเมื่อกลางมกราคม 2021
กองกำลังสหรัฐฯกำลังเร่งพัฒนามาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการตอบโต้โดรน
นอกจากการพัฒนาระบบการตรวจสอบหาตำแหน่งระยะไกล (radar censor)
ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นและเครื่องรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronic jammers) ยังรวมถึงวิธีการทางจลนศาสตร์ที่ออกแบบมาเพื่อสอย (knock) โดรนจากฟากฟ้า เมื่อไม่นานนี้ สหรัฐฯได้ประกาศจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับอิสราเอล
โดยมุ่งเน้นการตอบโต้ภัยคุกคามจากโดรนที่พัฒนาโดยอิหร่านและส่งต่อไปยังตัวแทนพันธมิตร
(proxies) ทั่วตะวันออกกลาง
หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานผ่าน
Global Counterterrorism Forum ระบุว่า สหรัฐฯร่วมกับเยอรมนีและพันธมิตรระหว่างประเทศอื่น
ๆ พัฒนาฉันทามติระดับโลกและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการต่อต้านการใช้ UAS โดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย หลายฝ่ายคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะออกเป็นข้อมติ
แม้ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม
นอกเหนือจากการจัดหาโดรนด้วยตนเอง
อิหร่านยังใช้หน่วย IRGC-QF ในการถ่ายทอดความรู้แก่ตัวแทนพันธมิตร
ซึ่งจะช่วยปรับปรุงทักษะแลขีดความสามารถของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐได้อย่างมีนัยสำคัญ
การใช้โดรน อย่างต่อเนื่องของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐในภูมิภาคอาจนำไปสู่การแพร่ขยายของอุปกรณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ก่อการร้าย ผู้ก่อความไม่สงบและกลุ่มติดอาวุธพยายามพัฒนา UAS
และปรับปรุงขีดความสามารถในการทำสงครามอสมมาตรด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผล
เทคโนโลยีระดับสูงเคยเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้เฉพาะประเทศที่มีงบประมาณทางการทหารแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี เมื่อเวลาผ่านไปอุปสรรคในการเข้าถึงลดลงอย่างมาก ทุกวันนี้บุคคลและตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐสามารถซื้อเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ (commercial-off-the-shelf/COTS) ในราคาไม่แพงโดยบูรณาการกับการวางแผน ส่งผลให้การโจมตีก่อการร้ายขยายขอบเขต ศักยภาพและความเสียหายรุนแรงมากขึ้น
[1] โดรน
(drone) หมายถึง ยานปลอดมนุษย์โดยสาร
แต่ถูกบังคับโดยมนุษย์ทางวิทยุหรือโดยระบบอัตโนมัติก็ได้ โดรนมีหลายประเภท
ทั้งโดรนบนบก โดรนใต้น้ำและโดรนอากาศ ถ้าเป็นโดรนอากาศมักถูกเรียกว่า
อากาศยานไร้คนขับ (unmanned aerial vehicle/UAV) สืบค้นที่ https://th.wikipedia.org/wiki/โดรน
[2] WELCOME TO THE
“NEW NORMAL”: NON-STATE ACTORS AND THE USE OF DRONES INTELBRIEF June 3,
2021 Available at:
https://mailchi.mp/thesoufancenter/welcome-to-the-new-normal-non-state-actors-and-the-use-of-drones?e=c4a0dc064a
[3] Venezuela President Maduro survives 'drone
assassination attempt' BBC News 5 August 2018 Available at: https://www.bbc.com/news/world-latin-america-45073385
[4] Fixed-wing
drones มีลักษณะการทำงานคล้ายคลึงกับเครื่องบิน จึงต้องมีรันเวย์
ซึ่งโดรนประเภทนี้สามารถบินได้นานกว่าและเร็วกว่า
เหมาะกับการใช้งานเพื่อสำรวจในพื้นที่กว้างใหญ่ แถมยังบรรทุกของหนักได้ในระยะไกล
และใช้พลังงานน้อย

No comments:
Post a Comment